วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ANSI

สถาบันมาตรฐานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ แอนซี (American National Standard Institute - ANSI) คือองค์กรในสหรัฐอเมริกา มีหน้าที่กำหนดมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2461 (ค.ศ. 1918) โดยใช้ชื่อว่า American Engineering Standards Committee และได้มีการปรับปรุงในปี พ.ศ. 2461 (ค.ศ. 1928) โดยเปลี่ยนชื่อเป็น American Standards Association ในปี พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) ได้มีการจัดตั้งองค์กรนานาชาติขึ้นมา โดยมีประเทศ 25 ประเทศเข้าร่วม และสุดท้ายในปี พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น American National Standard Institute หรือ ANSI ในปัจจุบัน

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552

7.การเขียนโปรแกรมควบคุม การทำงานของอุปกรณ์เล็ดทรอนิกส์ ควรเลือกใช้ภาษาใด เพราะอะไร

Visual Basic, C, C++, Java
เพราะ

6. ลักษณะของภาษาคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า ภาษาธรรมชาติ

ไม่ต้องสนใจถึงคำสั่งหรือลำดับของข้อมูลที่ถูกต้อง ผู้ใช้เพียงแต่พิมพ์สิ่งที่ต้องการลงในเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นคำหรือประโยคตามที่ผู้ใช้เข้าใจ คอมพิวเตอร์จะพยายามแปลคำหรือประโยคเหล่านั้นเพื่อทำตามคำสั่ง แต่ถ้าไม่สามารถแปลให้เข้าใจได้ ก็จะมีคำถามกลับมาถามผู้ใช้เพื่อยืนยันความถูกต้อง

5. ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งออกเป็นกี่ประเภท จงอธิบาย

แบ่งได้ 4 ระดับ ได้แก่

1.เพาเวอร์ยูสเซอร์ (power user) เป็นผู้ที่พยายามศึกษาโปรแกรมประยุกต์ในขั้นที่สูงขึ้น ทำให้มีความชำนาญในการใช้โปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ

2.ผู้เชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์ (computer professional) หมายถึงผู้ที่ได้ศึกษาวิชาการทางด้านคอมพิวเตอร์ ทั้งในระดับกลางและระดับสูง ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้จะนำความรู้ที่ได้ศึกษามาประยุกต์และพัฒนาใช้งาน และประสิทธิภาพของระบบคอมพิวเตอร์ให้ทำงานในขั้นสูงขึ้นไปได้อีก
3. นักเขียนโปรแกรม (programmer) ก็ถือว่าเป็นผู้เชียวชาญทางคอมพิวเตอร์เช่นกัน เพราะสามารถสร้างโปรแกรมใหม่ ๆ ได้ และเป็นเส้นทางหนึ่งที่จะนำไปสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์ต่อไป

4.ผู้ใช้ หรือ ยูเซอร์ (user) เป็นใช้คอมพิวเตอร์บางส่วนก็ทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์เท่านั้น

4. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ หมายถึงอะไร

โปรแกรมที่ใช้สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานอื่นๆ ตามความต้องการของผู้ใช้ ที่ไม่เกี่ยวกับตัวเครื่อง เช่น งานพิมพ์รายงานหรือข้อความ จะใช้โปรแกรมประเภทประมวลผลคำ การทำตารางบัญชี จะใช้โปรแกรมประเภทตารางทำการ งานนำเสนอ จะใช้โปรแกรมประเภทสร้างสื่อนำเสนอ เป็นต้น

3.ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์หมายถึงอะไร

โปรแกรมที่ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งระบบ โดยเฉพาะส่วนที่ควบคุมและจัดการหน่วยความจำ จัดการนำงานของผู้ใช้มาดำเนินการ และจัดการการรับข้อมูลและแสดงผล ระบบปฏิบัติการที่ใช้ในเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ทั่วไป เช่น ระบบปฏิบัติการ Windows , Linux , MS-DOS

2.rom และ ram มีความแตกต่างและประโยชน์อย่างไร

ROM: ROM เป็นคำย่อมาจาก “Read-Only Memory” ซึ่งหมายถึงหน่วยความจำที่ใช้อ่านได้อย่างเดียว เป็น memory chip ที่ทำหน้าที่เก็บแอปปลิเคชั่นและข้อมูลเป็นการถาวร และไม่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าไปเลี้ยงระบบ ซึ่งแอปปลิเคชั่นและข้อมูลจะถูกเขียนหรือ burned เข้าไปในชิป โดยบริษัทผู้ผลิต ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่อยู่ในชิปได้ ถึงได้เรียกว่าอ่านอย่างเดียว (read-only)
RAM: RAM เป็นคำย่อของ “Random Access Memory” เป็น memory chips ที่จำเป็นของคอมพิวเตอร์ทั่ว ๆ ไป รวมทั้ง PDA ด้วย ส่วนของ RAM นี้ จะใช้สำหรับประมวลผลและเก็บไฟล์ข้อมูลชั่วคราว RAM มีความแตกต่างจาก ROM ในเรื่องของการเก็บรักษาข้อมูล RAM จำเป็นจะต้องมีกระแสไฟมาเลี้ยงเพื่อที่จะรักษาข้อมูลที่เก็บไว้ใน RAM Pocket PC รุ่นแรกๆ ก่อนที่จะใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Mobile 5 จะใช้ RAM เก็บทั้งข้อมูลและโปรแกรม ดังนั้นผู้ใช้ PDA จำเป็นจะต้องคอยดูแลส่วนของแบตเตอรีไม่ให้กระแสไฟฟ้าหมด มิเช่นนั้น โปรแกรมและข้อมูลต่าง ๆ ที่เก็บไว้ใน RAM ก็จะหายไปทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552

1. หายุคของภาษาคอมพิวเตอร์มี 5 ยุค อะไรบ้าง

-ยุคที่ 1 (First Generation Language : 1GL) เป็นภาษาระดับต่ำ (Low - Level Language) ประกอบด้วยเลขฐานสอง ได้แก่ 0 และ 1 หรือเรียกว่า "ภาษาเครื่อง (Machine Language)"

-ยุคที่ 2 (Second Generation Language : 2GL) ได้มีผู้พัฒนาให้มีการใช้สัญลักษณ์แทนตัวเลขฐานสอง เรียกว่า "ภาษาสัญลักษณ์ (Symbol Language)" คือ ภาษาอังกฤษ จะเป็นคำสั่งสั้น ๆ ที่จำได้ง่าย เรียกว่า "นิวมอนิกโค้ด (Nemonic Code)" ทำให้นักเขียนโปรแกรมสามารถเขียนโปรแกรมได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างภาษาสัญลักษณ์ ได้แก่ ภาษา Assembly และเนื่องจากเป็นภาษาสัญลักษณ์ จึงต้องใช้ตัวแปลภาษา เพื่อทำให้เป็นภาษาเครื่องก่อน ด้วยตัวแปลภาษาที่เรียกว่า "Assembler"

-ยุคที่ 3 (Third Generation Language : 3GL) ภาษาสัญลักษณ์ได้มีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น ทำให้สามารถแทนตัวเลขฐานสองได้เป็นคำ ทำให้กลายเป็นภาษาที่มีไวยากรณ์ที่เข้าใจและเขียนได้ง่ายขึ้น คำสั่งสั้นและกระชับมากขึ้น เช่น ภาษา BASIC, COBOL, Pascal

-ยุคที่ 4 (Fourth Generation Language : 4GL) ได้มีการพัฒนารูปแบบการเขียนโปรแกรมจากยุคที่ 3 ที่จัดว่าเป็นการเขียนแบบ Procedural ให้กลายเป็นการเขียนแบบ Non - Procedural ที่สามารถกระโดดไปทำคำสั่งใดก่อนก็ได้ตามที่โปรแกรมเขียนไว้ นอกจากนี้ จุดเด่นของภาษาในยุคนี้เริ่มจากการเขียนคำสั่งให้ผู้ใช้สามารถจัดการกับข้อมูลในฐานข้อมูลได้ และพัฒนาต่อมากลายเป็นการเขียนคำสั่งให้ได้โปรแกรมที่มีส่วนติดต่อกับผู้ใช้แบบกราฟิกมากขึ้น และพัฒนาจนมาถึงการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object - Oriented Programming) เช่น ภาษา C++, Visual C++, Delphi, Visual Basic เป็นต้น ปัจจุบันมีภาษาที่ใช้หลักการของโปรแกรมเชิงวัตถุที่นิยมใช้ เช่น ภาษา Java

-ยุคที่ 5 (Fifth Generation Language : 5GL) เป็นภาษาที่ใช้สำหรับพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System : ES) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ภาษาในยุคที่ 5 เรียกว่า "ภาษาธรรมชาติ (Natural Language)" คือ ไม่ต้องสนใจถึงคำสั่งหรือลำดับของข้อมูลที่ถูกต้อง ผู้ใช้เพียงแต่พิมพ์สิ่งที่ต้องการลงในเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นคำหรือประโยคตามที่ผู้ใช้เข้าใจ คอมพิวเตอร์จะพยายามแปลคำหรือประโยคเหล่านั้นเพื่อทำตามคำสั่ง แต่ถ้าไม่สามารถแปลให้เข้าใจได้ ก็จะมีคำถามกลับมาถามผู้ใช้เพื่อยืนยันความถูกต้อง